สำนักงานพาณิชย์จังหวัดพิษณุโลก
14 ถนนจ่านกร้อง ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000
โทรศัพท์ : 05 524 2909 Email : pl_ops@moc.go.th
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศติดตามการส่งออกสินค้ากลุ่มคลายความร้อน พบไทยขึ้นแท่นเป็นผู้ส่งออกเบอร์ 1 ในอาเซียน และติดท็อป 10 ของโลกในหลายสินค้า เผยสินค้ากลุ่มนี้ ยังได้ประโยชน์จาก FTA คู่ค้ามีการลดภาษีนำเข้าให้ไทย ทั้งพัดลม ไอศกรีม แว่นตากันแดดและครีมกันแดด เครื่องปรับอากาศ ผลไม้กระป๋อง แนะเข้มเรื่องคุณภาพ มาตรฐาน และอย่าลืมใช้ FTA เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและส่งออก
น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศ พบว่า ปัจจุบันไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้ากลุ่มคลายความร้อนอันดับ 1 ในอาเซียน และติดอันดับ Top 10 ประเทศผู้ส่งออกสูงของโลกในสินค้าเกือบทุกรายการ อาทิ ผู้ส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบอันดับ 3 ของโลก รองจากจีนและเม็กซิโก ผู้ส่งออกไอศกรีมอันดับ 4 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร และผู้ส่งออกผลไม้กระป๋องและแปรรูปอันดับ 6 ของโลก รองจากสหภาพยุโรป จีน บราซิล สหรัฐฯ และตุรกี
สำหรับสินค้าเพื่อคลายความร้อน กลุ่มสินค้าอุปกรณ์ทำความเย็น อาทิ เครื่องปรับอากาศ และพัดลม กลุ่มสินค้าป้องกันความร้อนจากแสงแดด อาทิ โลชั่นกันแดด และแว่นตากันแดด และกลุ่มสินค้าอาหารเพิ่มความสดชื่น อาทิ ไอศกรีม น้ำแข็งใส และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ทั้งนี้ ยังพบว่า กลุ่มสินค้าดังกล่าว ล้วนได้รับประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยมีกับ 18 ประเทศคู่ค้า อาทิ พัดลม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 18 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย เปรู และชิลี ไอศกรีม ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี เปรู และฮ่องกง แว่นตากันแดดและครีมกันแดด ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 17 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อินเดีย ชิลี และฮ่องกง เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง และผลไม้กระป๋องและแปรรูป ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าใน 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน จีน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี เปรู และฮ่องกง
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาสถิติการส่งออกกลุ่มสินค้าดังกล่าวของไทยไปตลาดคู่ค้า FTA พบว่า มีอัตราการขยายตัวสูงอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 3 เดือนของปี 2567 (ม.ค.-มี.ค.) มีมูลค่า 1,269 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 13% สินค้าที่มีการส่งออกเติบโตสูง อาทิ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป มูลค่า 199 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 32% ครีมทาผิวที่รวมถึงครีมกันแดด มูลค่า 165 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 44% แว่นตากันแดด มูลค่า 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 42% พัดลม มูลค่า 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 3% และเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มูลค่า 809 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 6% โดยมีตลาดส่งออกหลัก คือ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และอินเดีย
“เป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการไทย ที่จะขยายส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังตลาดคู่ค้า FTA เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งควรให้ความสำคัญกับคุณภาพมาตรฐานสินค้าและการผลิตให้เป็นไปตามหลักสากล และควรใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเต็มที่ เพื่อเพิ่มโอกาสและสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าของไทย ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่มุ่งผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA และส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย SME โดยเฉพาะรายเล็ก”น.ส.โชติมากล่าว